ในแต่ละคืนที่เราอยู่ในห้องนอนและในระหว่างการนอนหลับนั้นร่างกายจะถ่ายขับน้ำมัน เหงื่อ เซลล์ผิว และแบคทีเรียไปยังหมอน และผ้าปูที่นอน ส่งผลให้มีกลิ่นที่กำจัดได้ยาก ดังนั้นการทำความสะอาดที่ถูกต้องจะช่วยขจัดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่น และช่วยให้หลับสบาย
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
- น้ำส้มสายชูสีขาว
- เบกกิ้งโซดา
- น้ำยาซักผ้า
- ผ้านุ่มสะอาด
- ผ้าคลุม หรือปลอกหมอน
ขั้นตอนการทำ
- แช่น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติเป็นกรดสีขาวสามารถช่วยกำจัดแบคทีเรียและสารตกค้างที่ก่อให้เกิดกลิ่นในผ้าปูที่นอน โดยนำน้ำส้มสายชูใส่ลงในภาชนะขนาดใหญ่ 1 ส่วนกับน้ำร้อน 5 ส่วนแล้วนำผ้าปูที่นอนปลอกหมอนไปแช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง หรือเติมน้ำส้มสายชูลงในเครื่องซักผ้า แช่ผ้าทิ้งไว้ก่อนซัก
หลังจากนั้นหากปลอกหมอนมีกลิ่นน้ำส้มสายชู ให้ใช้ผงซักฟอกที่มีกลิ่นหอมไหลผ่านเครื่องซักผ้า และโรยเบกกิ้งโซดาเล็กน้อยระหว่างรอบซักเพื่อช่วยขจัดกลิ่นน้ำส้มสายชูที่เหลืออยู่
- ทำให้อุ่นขึ้น
หลังแช่ผ้าปูที่นอนในน้ำส้มสายชูแล้ว ให้เติมน้ำร้อนและผงซักฟอกลงไปในเครื่องซักผ้าเพราะน้ำร้อนสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ เมื่อซักหมอนแนะนำให้วางหมอน 2 ใบในเครื่องซักผ้าพร้อมกันเพื่อความสมดุล หากกลิ่นยังคงอยู่หลังจากการซัก ให้ทำการซักครั้งที่ 2 โดยไม่ใช้ผงซักฟอก
- นำพวกมันไปผึ่งด้านนอก
หลังจากซักผ้าปูที่นอนเรียบร้อยแล้ว ให้แขวนไว้ให้แห้งบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรงประมาณ 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากการนำผ้าปูที่นอนไปผึ่งแดดไม่เพียงแต่ช่วยทำให้ผ้าได้รับการระบายอากาศลดการเติบโตของแบคทีเรียเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้ผ้าปูที่นอนมีกลิ่นหอมสะอาดสดชื่นอีกเช่นกัน
- ปกป้องดูแลหมอน
เช็กบนแท็กที่ติดมากับหมอนว่าต้องดูแลอย่างไร สามารถใส่เครื่องซักผ้าได้หรือไม่ จากนั้นใส่หมอนครั้งละ 2 ใบในเครื่องซักผ้าและล้างด้วยน้ำร้อน สำหรับหมอนขนเป็ด และหมอนใยสังเคราะห์มักซักด้วยเครื่องได้ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วผ้าไหมและผ้าฝ้ายจะซักไม่ได้ก็ตาม สำหรับการปั่นแห้งนั้นอาจใส่ผ้านุ่มๆลงไปได้ด้วยเช่นกัน ก่อนจะนำไปตากแดดนานกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
อ่านวิธีซักเครื่องนอนต่อ sanook.com/home/33501/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น